ตารางกิจกรรม
วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
กิจกรรมยามว่าง
สร้างกริตเตอร์ | ฟังเพลง | ดารา | เกมส์
สร้างกริตเตอร์ | ฟังเพลง | ดารา | เกมส์
สร้างกริตเตอร์ | ฟังเพลง | ดารา | เกมส์
วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ประวัติส่วนตัว
วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553
ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ชไทย
หนึ่งตัวอย่างความสำเร็จ e-Commerce ไทย หนึ่งตัวอย่างความสำเร็จ e-Commerce ไทย สิ่งหนึ่งที่ผมเคยสงสัยก็คือ ธุรกิจ e-Commerce ในเมืองไทย จะมีโอกาสประสบความสำเร็จหรือเปล่า เพราะมีปัจจัยได้หลายอย่างที่แตกต่าง จาก e-Commerce ในประเทศอื่นๆ พอมาทราบว่ามี Website e-Commerce แห่งหนึ่งในเมืองไทย ประสบความสำเร็จ ที่ยอดขายในระดับ ร้อยล้าน ก็เลยทำให้ผมแปลกใจ และยิ่งแปลกใจหนักขึ้นไปอีก เมื่อรู้ว่าสินค้าที่จำหน่ายคือ พวก Jewellery (อัญมณี เพชรพลอย ต่างๆนั่นเอง) อะไรทำให้ Website สัญชาติไทยแห่งนี้ประสบความสำเร็จ
ความเป็นมาสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จักกับเว็บไซต์ Thaigem.com ก็ขอถือโอกาสนี้กล่าวเป็นสังเขป เว็บไซต์นี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท NCS GROUP เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2541 ในการดำเนินธุรกิจแรกเริ่มนั้นบริษัทได้ดำเนินธุรกิจในลักษณะของค้าส่งเพชรพลอยในจังหวัดจันทบุรีมาเป็นระยะเวลาประมาณ 20 ปีในชื่อของ Nuntiya Care Stone การริเริ่มการขายบนอินเทอร์เน็ตนั้นก็เป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ลงทุนมากมายกับด้านไอที และมีรายการสินค้าอยู่กับเว็บไซต์ Ebay.com เพียง 5 รายการเท่านั้น ภายในเวลาเพียงปีเดียวจากเว็บไซต์ที่ทดลองกันเล่นๆ ก็กลายเป็นการขายที่มีรายการสินค้ามากมายนับพันรายการ ในปัจจุบัน Thaigem.com มีรายการสินค้านับล้านรายการและมีการจัดส่งสินค้าหลายพันรายการต่อวันไปยังลูกค้า รายได้ส่วนใหญ่หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเกือบทั้งหมดในปัจจุบันมาจากการขายผ่านอินเทอร์เน็ต
ธรุกิจ e-commerce
อันดับแรกควรศึกษาหาความรู้ที่จำเป็นต้องรู้ทั้งเกี่ยวกับการค้าขายทางออนไลน์ ตัวสินค้า การเริ่มต้นทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี แต่ต้องการรวดเร็วก็ขอคำแนะนำและปรึกษากับผู้ที่รู้จริงๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก ซึ่งเสี่ยงต่อความล้มเหลวได้ ที่ปรึกษาเหล่านี้จะให้คำแนะนำว่าควรเริ่มต้นอย่างไร ในที่นี้ไม่สามารถนำรายละเอียดต่างๆมากล่าวได้ทั้งหมด
ต้นทุนในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ(E-commerce)
ตั้งแต่หลักพันขึ้นไป จนถึงหลักล้านก็มีให้เห็น การลงทุนในธุรกิจนี้ ก็จำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียในแต่ละจุด (SWOT) ถึงแม้จะเป็นการลงทุนไม่มากก็จริง แต่หลักของการดำเนินธุรกิจก็จำเป็นต้องใช้เหมือนกรณีการทำธุรกิจทั่วๆไป ถ้าไม่รู้ก็จงขอคำแนะนำหรือปรึกษากับผู้รู้จะปลอดภัยสูง การลงทุนถ้าให้แนะนำควรเริ่มต้นตามกำลังของตัวเองก่อน แล้วค่อยๆก้าวไปอย่างมั่นคง
จุดเด่นของ อีคอมเมิร์ซ(E-commerce)
1. ลงทุนน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับการทำธุรกิจด้านอื่นๆ ( เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวยังใช้ทุนมากกว่า )
2. นิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดาเจ้าของคนเดียวก็ทำได้
3. ค้าขายได้ตลอดเวลา 24 ชม. ใน 365 วัน
4. ค้าขายได้ทั่วทุกมุมโลกตลอดเวลา 24 ชม.
5. ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง บริหารจัดการเองได้หมด
6. ประหยัด รวดเร็วทันใจ
และอื่นๆ อีกมากมาย
กลยุทธ์การทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ชให้ประสบผลสำเร็จ
มีคนเพียงไม่ถึง 10% ที่ทำเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์หรือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ชประสบความสำเร็จ อีกกว่า 90% ล้มเหลว เหตุผลข้อนี้คนที่ทำอีคอมเมิร์ชประสบความสำเร็จเท่านั้นที่สามารถตอบได้อย่างตรงจุด ส่วนมากจะทำเว็บไซต์ตามกระแสความนิยม เห็นคนอื่นทำแล้วประสบผลสำเร็จขายได้ก็อยากจะทำบ้าง แต่พอลงมือทำกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด กลับมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นมาก ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต หลังจากคัดเลือกเว็บไซต์ได้แล้วก็มาถึงการคัดเลือกโดเมนเนมของชื่อเว็บไซต์ หลักการคัดเลือกโดเมน ควรหาคำที่สั้นไม่ควรเกิน 3 คำ จำง่าย และสะกดง่าย พูดขึ้นมาสะกดได้เลยยิ่งเป็นการดี อาจจะมีความหมายกับธุรกิจได้ยิ่งเป็นการดี หลังจากคัดเลือกโดเมนได้เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงการสั่งซื้อเว็บไซต์ ( กรณีใช้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูป ) ถ้าเขียนโปรแกรมเองก็ต้องไปเช่าโฮสหรือพื้นที่สำหรับรองรับเว็บไซต์ที่จะสร้างขึ้นมา การวางโครงสร้างในเว็บไซต์ที่สร้างขึ้น ต้องมีการวางโครงสร้างทั้งภายนอกและภายในเว็บไซต์ เพื่อให้ออกมาตามที่ต้องการ การวางตำแหน่งเนื้อหาแต่ละจุดควรวางให้เหมาะสม การสร้างเนื้อหาหรือคอนเทนท์ ต้องทำให้สอดคล้องกับสินค้าหรือบริการ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน ข้อมูลดูและเข้าใจได้ง่ายไม่สลับซับซ้อน สีของเว็บไซต์ควรเป็นแบบพื้นๆ เว็บไซต์ควรเข้าง่าย โหลดง่าย รูปภาพหรือกราฟฟิคมีไม่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้โหลดช้าลง
1. แบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 5 ประเภท
2.แบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 3 ประเภท
3.แบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 6 ส่วน
4.แบ่งอีคอมเมิร์ซตามประเภทสินค้าเป็น 2 ประเภท
อีคอมเมิร์ซ 5 ประเภท ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 5 ประเภทก็ได้ดังต่อไปนี้
1.ธุรกิจกับผู้ซื้อปลีกหรือบีทูซี (B-to-C = Business-to-Consumer) คือประเภทที่ผู้ซื้อปลีกใช้อินเตอร์เน็ตในการซื้อสินค้าจากธุรกิจที่โฆษณาอยู่ในอินเตอร์เน็ต
2.ธุรกิจกับธุรกิจหรือบีทูบี (B-to-B = Business-to-Business) คือ ประเภทที่ธุรกิจกับธุรกิจติดต่อซื้อขายสินค้ากันผ่านอินเตอร์เน็ต
3.ธุรกิจกับรัฐบาลหรือบีทูจี (B-to-G = Business-to-Government) คือประเภทที่ธุรกิจติดต่อกับหน่วยราชการ
4.รัฐบาลกับรัฐบาลหรือจีทูจี (G-to-G = Government to Government) คือ ประเภทที่หน่วยงานรัฐบาลหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งติดต่อกับหน่วยงานรัฐบาลอีกหน่วยงานหนึ่ง
5. ผู้บริโภคกับผู้บริโภคหรือซีทูซี (C-to-C = Consumer-to-Consumer) คือ ประเภทที่ผู้บริโภคประกาศขายสินค้าแล้วผู้บริโภคอีกรายหนึ่งก็ซื้อไป เช่นที่อีเบย์ดอทคอม(Ebay.com) เป็นต้น ซึ่งผู้บริโภคสามารถจ่ายเงินให้กันทางบัตรเครดิตได้
อีคอมเมิร์ซ 3 ประเภท ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 3 ประเภทก็อาจจะแบ่งได้ ดังต่อไปนี้
1. อีคอมเมิร์ซระหว่างผู้บริโภคกับธุรกิจ หรือ บีทูซี (B-to-C = Business-to-Consumer) ซึ่งอาจจะมีตัวอย่างดังต่อไปนี้ - การติดต่อสื่อสารระหว่างผู้บริโภคกับธุรกิจโดยใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กลุ่มสนทนา กระดานข่าว เป็นต้น
- การจัดการด้านการเงิน ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจัดการเรื่องการเงินส่วนตัว เช่น ฝาก-ถอน เงินกับธนาคาร ซื้อขายหุ้นกับผู้ค้าหุ้น เช่น อีเทรด (www.etrade.com) เป็นต้น
อีคอมเมิร์ซ 6 ส่วน ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 6 ส่วนก็แบ่งได้ดังต่อไปนี้
1.การขายปลีกทางอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเทลลิ่ง (E-tailing= Electronic Retailing) หรือร้านค้าเสมือนจริง (Virtual Storefront) ยอดขายปลีกอิเล็กทรอนิกส์ในอเมริกาใน ค.ศ. 1999 มีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท
2.การวิจัยตลาดทางอิเล็กทรอนิกส์หรือมาร์เก็ตอีรีเซิร์ช (Market E-research) คือการใช้อินเตอร์เน็ตในการวิจัยตลาดแบบเดียวกับที่สำนักวิจัยเอแบค-เคเอสซีอินเตอร์เน็ตทำอยู่ จากการใช้อินเตอร์เน็ตนี้ บริษัทห้างร้านสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าปัจจุบัน และผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าในอนาคต ทั้งจากการลงทะเบียนเข้าใช้เว็บ จากแบบสอบถามและจากการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า การวิจัยตลาด อินเตอร์เน็ตก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ซ
3. อินเตอร์เน็ตอีดีไอ หรือการส่งเอกสารตามมาตรฐานอีดีไอโดยใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายต่ำลงก็ถือว่าเป็นอีคอมเมิร์ซประเภทหนึ่ง
4. โทรสารและโทรศัพท์อินเตอร์เน็ต การใช้โทรสารและโทรศัพท์ทางไกลผ่านอินเตอร์เน็ตหรือ วีโอไอพี (VoIP= Voice over IP) นั้นมีราคาต่ำกว่าการใช้โทรสารและโทรศัพท์ธรรมดา และอาจจะใช้เป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ซ
5. การซื้อขายระหว่างบริษัทกับบริษัท บริษัทต่างๆ จำนวนมากในปัจจุบันติดต่อซื้อขายสินค้ากันโดยผ่านเว็บในอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ซ 6. ระบบความปลอดภัยในอีคอมเมิร์ซ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญของอีคอมเมิร์ซ ทั้งนี้ในปัจจุบันมีการใช้วิธีต่างๆ เช่น เอสเอสแอล (SSL= Secure Socket Layer) เซ็ต (SET = Secure Electronic Transaction) อาร์เอสเอ (RSA = Rivest, Shamir and Adleman) ดีอีเอส (DES= Data Encryptioon Standard) และดีอีเอสสามชั้น (Triple DES) เป็นต้น
อีคอมเมิร์ซ 2 ประเภทสินค้า ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซตามประเภทสินค้าก็แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
1. สินค้าดิจิตอล เช่น ซอฟท์แวร์ เพลง วิดีโอ หนังสือ ดิจิตอล เป็นต้น ซึ่งสามารถส่งสินค้าได้โดยผ่านอินเตอร์เน็ต
2. สินค้าที่ไม่ใช่ดิจิตอล เช่น สินค้าหัตถกรรม สินค้าศิลปาชีพ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง เครื่องประดับ เครื่องจักรอุปกรณ์ เป็นต้น ซึ่งต้องส่งสินค้าทางพัสดุภัณฑ์ ผ่านไปรษณีย์หรือบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์
แนวคิดของอีคอมเมิร์ซ จะประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน คือ
1. Customer Relationship Management (CRM) การบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้าเพราะลูกค้าคือส่วนสำคัญที่สุดและเป็นส่วนที่เป็นพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ บริษัทไม่สามารถที่จะพัฒนาได้ถ้าขาดความเชื่อมั่นจากลูกค้า เพราะฉะนั้นการปรับปรุงการโต้ตอบระหว่างลูกค้ากับกระบวนการต่างๆ ของธุรกิจ ที่เป็นกระบวนการย่อยซึ่งจะส่งผลต่อลูกค้าโดยรวม
2. Supply Chain Management (SCM) เป็นแนวคิดการผสานกลไกทางธุรกิจทั้งหมด ตั้งแต่การนำวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิต จนกระทั่งส่งสินค้าถึงมือลูกค้า ช่วยให้บริษัทสร้างระบบการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร สินค้า และการบริการ ให้มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยระบบงานภายในและภายนอกบริษัท
3. Enterprise Resource Planning (ERP) เป็นการวางแผนบริหารทรัพยากรภายในองค์กร โดยการมุ่งเน้นที่จะปรับปรุงระบบการดำเนินงานและการพัฒนาบุคลากรขององค์กร เพื่อให้องค์กรมีขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็นการผสานกลยุทธ์ทางธุรกิจ เทคโนโลยี และบุคลากรเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน
วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553
E-Commerce คืออะไร
ความหมาย
Electronic Commerce หรือ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริหาร การโฆษณาสินค้า การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น จุดเด่นของ E-Commerce คือ ประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่ม ประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยลดความสำคัญขององค์ประกอบของธุรกิจที่มองเห็นจับต้องได้ เช่นอาคารที่ทำการ ห้องจัดแสดงสินค้า (show room) คลังสินค้า พนักงานขายและพนักงานให้บริการต้อนรับลูกค้า เป็นต้น ดังนั้นข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์คือ ระยะทางและเวลาทำการแตกต่างกัน จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจอีกต่อไป
อุปกรณ์และวิธีการทำ E-commerce
อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วย ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบคอมพิวเตอร์และระบบฐานข้อมูล ระบบสื่อสารอาจเป็นระบบพื้นฐานทั่วไป เช่นระบบโทรศัพท์ โทรสาร หรือวิทยุ โทรทัศน์ แต่ระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งเชื่อมโยงถึงกันได้ทั่วโลก เป็นระบบเปิดกว้าง โดยเป็นระบบเครือข่ายของเครือข่าย ที่เรียกว่า world wide web มาจากความเป็นเอกลักษณ์คือสามารถสร้างให้มี hyperlink จากหน้าหนึ่งไปอีกหน้าหนึ่ง ไป webpage อื่น หรือไป website อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถสื่อได้ทั้งภาพ เสียง และภาษาหนังสือที่หลากหลายซับซ้อน สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้ทันทีทันใด ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สามารถบันทึกเก็บไว้หรือนำใช้ต่อเนื่องได้ การประยุกต์ใช้ และกระแสตอบรับธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตจึงแพร่หลายภายในระยะเวลาอันสั้น
E-Commerce ใช้ติดต่อกับลูกค้าได้หลายระดับ ธุรกิจกับลูกค้า ธุรกิจกับธุรกิจ ธุรกิจกับภาครัฐ ฯ สาระของการติดต่อจะมี 4-5 ประการ คือ
=>การขาย รวมการโฆษณา แสดงสินค้า เสนอราคา สั่งซื้อ คำนวณราคา
=>การชำระเงิน การตกลงวิธีชำระเงิน สั่งโอนเงิน ให้ข้อมูลบัญชีธนาคารที่ใช้ตัดบัญชี ตลอดจนเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ ๆ
=>การขนส่ง แจ้งวิธีการส่งมอบของ ค่าขนส่ง และสถานที่ติดต่อและระบบติดตามสินค้าที่ส่ง
=>บริการหลังการขาย การติดต่อภายในบริษัท เช่นระบบบัญชี คลังสินค้า ระบบสั่งซื้อสินค้าและวัตถุดิบ สั่งผลิต ตลอดจนบริการลูกค้าหลังการขาย
บทบาทภาครัฐกับ E-Commerce
เนื่องจากการทำธุรกิจดังกล่าวมีการแข่งขันกันร้อนแรง ส่วนใหญ่อยู่ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยเป็นไปได้ที่คู่ค้าอาจไม่เคยรู้จักติดต่อกันมาก่อน ปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากภาครัฐได้แก่ แผนกลยุทธ์การค้าอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ เพื่อมิให้เสียเปรียบเชิงการค้าในระดับโลก โครงสร้างการสื่อสารที่ดีและเพียงพอ กฎหมายรองรับข้อมูลและหลักฐานการค้าที่ไม่อยู่ในรูปเอกสาร ระบบความปลอดภัยข้อมูลบนเครือข่ายและระบบการชำระเงิน
E-Government เป็นอีกมิติหนึ่งของการให้บริการภาครัฐออนไลน์ที่จะเอื้อให้ธุรกิจ ประชาชน ติดต่อใช้บริการ ในกรอบบริการงานแต่ละด้านของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยให้บริการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์แก่สถาบันการเงิน กรมทะเบียนการค้าให้บริการจดทะเบียนการค้า เป็นต้น นอกจากนี้ การทำ E-Procurement เพื่อการจัดซื้อจัดหาภาครัฐก็เป็นบริการที่ควรดำเนินการ เพราะจะช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเป็นไปตามกรอบนโยบายของที่ประชุมเอเปคด้วย
ความปลอดภัยกับ E-Commerce
ระบบความปลอดภัยนับเป็นเรื่องที่โดดเด่นที่สุด และมีเทคโนโลยีความปลอดภัยคือ Public Key ซึ่งมีองค์กรรับรองความถูกต้องเรียกว่า CA (Certification Authority) ระบบนี้ใช้หลักคณิตศาสตร์คำนวณรหัสคุมข้อความจากผู้ส่งและผู้รับอย่างเฉพาะเจาะจงได้ จึงสามารถพิสูจน์ตัวตนของผู้รับผู้ส่ง (Authentication) รักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Confidentiality) ความถูกต้องไม่คลาดเคลื่อนของข้อมูล (Integrity) และผู้ส่งปฏิเสธความเป็นเจ้าของข้อมูลไม่ได้ (Non-repudiation) เรียกว่าลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature)
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการมีกฎหมายรองรับการทำธุรกรรมบนเครือข่าย ประเทศในยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายรับรองการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และกฎหมายรองรับการทำธุรกิจดังกล่าว สำหรับในประเทศไทยก็เร่งจัดการออกกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ 6 ฉบับ โดยกฎหมาย 2 ฉบับแรกที่จะออกใช้ได้ก่อนคือ กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และกฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
การชำระเงินบน E-Commerce
จากผลการวิจัยพบว่า วิธีการชำระเงินที่สำคัญสำหรับกรณีธุรกิจกับธุรกิจ ร้อยละ 70 ใช้วิธีหักบัญชีธนาคาร ขณะที่ ธุรกิจกับผู้บริโภคร้อยละ 65 ชำระด้วยบัตรเครดิต
เพื่อ... สร้างความเชื่อมั่นแก่ระบบการชำระเงินบนอินเทอร์เน็ต มีแนวทางการพัฒนาเพื่อบริการชำระเงินดังนี้
1. บริการ internet banking และ/หรือธุรกิจประเภท Payment Gateway จะเป็น hyperlink ระหว่าง website ของร้านค้ากับระบบของธนาคาร และธนาคารสามารถดำเนินการตามข้อมูลที่ได้รับเพื่อตัดโอนเงินในบัญชีของลูกค้า หรือส่งเป็นคำสั่งโอนเข้าระบบการชำระเงินระหว่างธนาคารที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน
2. สำหรับการชำระเงินที่เป็น Micro Payment การใช้เงินดิจิทัลซึ่งบันทึกบนบัตรสมาร์ตการ์ด หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถสร้างเสริมระบบความปลอดภัยให้มั่นใจได้เหนือกว่าระบบบัตรเดบิตและบัตรเครดิตทั่วไป จึงเป็นแนวโน้มเทคโนโลยีที่น่าสนใจและเหมาะสม
ที่มา
http://www.bot.or.th/Thai/PaymentSystems/Others/eCommerce/Pages/eCommerce.aspx
วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553
Happy New Year 2010
สไลด์โชว์งานปีใหม่สุดอลังการในภาคอีสาน
ชวนเที่ยวอีสาน ร่วมงาน Countdown นครขอนแก่นสู่ทศวรรษใหม่ 2010
จังหวัดขอนแก่น
สถานที่: ประตูเมือง จังหวัดขอนแก่นวันที่: 31 ธันวาคม 2552
กิจกรรม:
- ประดับประดาด้วยไฟตกแต่ง ห้อยระย้ากว่าพันดวง- สุดอลังการธารน้ำพุเจ็ดสี ที่ทะยานพุ่งสูงกว่า 9 เมตร
- ครั้งแรกของเมืองไทยกับการจัดดอกไม้ให้เป็นผืนพรมยักษ์ Flower carpet
- ร่วมนับถอยหลังกับคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง
- สุดยอดไฮไลท์เคาท์ดาวน์กับแสง สี เสียง คือเทคนิคไพโรเอฟเฟคจากอเมริกา ที่จะสร้างภาพประทับใจบนประตูเมือง ขอนแก่นใต้แสงพุ จำนวน 983 นัด
- มหามงคลแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับการรอดประตูเมืองในคืนข้ามปี
จังหวัดขอนแก่น กำหนดจัดงาน "นครขอนแก่นเฉลิมฉลองข้ามปีถนนวิถีสู่ทศวรรษใหม่" ในวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ณ บริเวณถนนศรีจันทร์ (ช่วงทางเข้าประตูเมือง) โดยมีห้างเซนทรัลพลาซ่า และสิงห์คอเปอเรชั่น เป็นผู้สนับสนุนหลัก
จังหวัดขอนแก่นเป็นศูนย์กลางในการเดินทางต่อไปยังจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสาน อีกทั้ง เป็นเมืองแห่งการศึกษาและเมืองเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของภาคอีสาน การจัดงานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่และการก้าวสู่ทศวรรษใหม่แล้ว ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่สะท้อนขีดความสามารถในการจัดงานอีเว้นส์ระดับประเทศเพื่อสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังจังหวัดมากขึ้น
โดยในงานนอกจากการตกแต่งถนนแห่งการเฉลิมฉลองปีใหม่ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสานที่ประดับด้วยสวนดอกไม้ (Flower Carpet) ไฟแสงสีตระการตา ประติมากรรมไฟน้ำพุความยาวกว่า 400 เมตร และเป็นช่วงนาทีสำคัญที่จะข้ามสู่ความโชคดีปี พ.ศ. 2553 นอกจากนี้ในงานยังประกอบด้วยกิจกรรมมากมาย อาทิ การแสดงคอนเสริท์จากศิลปินชื่อดัง การแสดงศิลปวัฒนธรรม อีสาน การจุดพลุก
บรรยากาศการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่จังหวัดขอนแก่น ก็คึกคักไม่แพ้ที่อื่น โดยหลายหน่วยงานในจังหวัดร่วมกันเนรมิตถนนศรีจันทร์ บริเวณประตูเมืองเป็นถนนคนเดิน ปูพรมดอกไม้หลากชนิดและเปิดน้ำพุ 7 สีเต้นระบำ ซึ่งมีชาวขอนแก่นตลอดจนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมเคาท์ดาวน์คึกคักกว่า 20,000 คน พร้อมเดินลอดซุ้มประตูเมืองรับน้ำพระพุทธมนต์วันแรกของปีเสริมความเป็นสิริมงคล
ครั้งแรกของความประทับใจ ...ภาพที่ชาวขอนแก่นไม่มีวันลืม
ที่มา
http://www.khonkaenlink.info/tour/tour_thai.asp?id=9181
www.holidaythai.com/board/topic/497
http://thai.tourismthailand.org/news/release-content-2707.html
วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553
การแสดงภาคอีสาน
1. กลุ่มอีสานเหนือ ซึ่งสืบทอดวัฒนธรรมมาจากกลุ่มวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำโขง ที่เรียกว่า กลุ่มไทยลาว หรือกลุ่มหมอลำ หมอแคน ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่มีมากที่สุดในภาคอีสาน
2. กลุ่มอีสานใต้ แบ่งออกได้อีก 2 กลุ่ม คือ
• กลุ่มที่สืบทอดวัฒนธรรมเขมร - ส่วย หรือที่เรียกว่า "กลุ่มเจรียง - กันตรึม"
• กลุ่มวัฒนธรรมโคราช หรือที่เรียกว่า "กลุ่มเพลงโคราช"
ถ้าพิจารณาถึงประเภทของเพลงพื้นเมืองอีสาน โดยยึดหลักเวลา และโอกาสในการขับร้องเป็นหลัก สามารถแบ่งออกได้ 2 กลุ่ม คือ
1. เพลงพิธีกรรม
• กลุ่มอีสานเหนือ ได้แก่ การลำพระเวสหรือการเทศน์มหาชาติ การแหล่ต่างๆ การลำผีฟ้ารักษาคนป่วย การสวดสรภัญญะ และการสู่ขวัญในโอกาสต่างๆ ฯลฯ
• กลุ่มอีสานใต้ ได้แก่ เรือมมม็วต เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งของชาวสุรินทร์ ซึ่งมีความเชื่อมาแต่โบราณว่า "เรือมมม็วต" จะช่วยให้คนที่กำลังเจ็บไข้ได้ป่วยมีอาการทุเลาลงได้ ผู้เล่นไม่จำกัดจำนวน แต่จะต้องมีหัวหน้าหรือครูมม็วตอาวุโสทำหน้าที่เป็นผู้นำพิธีต่างๆ และเป็นผู้รำดาบไล่ฟันผีหรือเสนียดจัญไรทั้งปวง
2. เพลงร้องเพื่อความสนุกสนาน
• กลุ่มอีสานเหนือ ได้แก่ หมอลำ ซึ่งแบ่งได้ 5 ชนิด คือ หมอลำพื้น หมอลำกลอน หมอลำหมู่ หมอลำเพลิน หมอลำผีฟ้า
• กลุ่มอีสานใต้ ได้แก่ กันตรึม เจรียง เพลงโคราช
ตัวอย่างการแสดงพื้นเมืองภาคอีสาน
* หมอลำอีสาน หมอลำ แบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ หมอลำผีฟ้า หมอลำพื้น หมอลำกลอน และหมอลำหมู่
=>หมอลำผีฟ้า หมายถึง หมอลำที่ติดต่อกับผีฟ้าความมุ่งหมายของการร้องรำผีฟ้าก็เพื่อรักษาคนป่วย
=>หมอลำพื้น หมายถึง " หมอลำนิทาน " คือ หมอที่เล่านิทานด้วยการลำ (ขับร้อง) คำที่เก่าแก่พอ ๆ กันกับ " ลำพื้น " ก็คือ " เว้าพื้น " ซึ่งตรงกับว่า " เล่านิทาน " หมอลำพื้นจะเป็นหมอลำคนเดียว และมีหมอแคนเป่าคลอเสียงประสานไปด้วย
=>หมอลำกลอน คือ หมอลำที่ลำโดยใช้กลอน การลำสองคนโต้ตอบกัน
=>หมอลำหมู่ คือ หมอลำที่มีผู้แสดงหลายคน โดยแสดงเป็นเรื่องราว แสดงละคร หรือลิเก โดยนำเอานิทานพื้นบ้านมาทำบทใหม่
เพิ่มเติม
ที่มา:
http://www.art2bempire.com/board/index.php?topic=7574.0
www.212cafe.com/.../view.php?user=kalasin&id=228
ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมอีสาน
วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553
ภาษาอีสาน
คนอีสานนี่มีนิสัยอยู่อย่างนึง คือเป็นคนที่เรียบง่าย ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย บ่เรื่องมาก ฮักเพื่อนฮักหมู่ บ่ว่าจะไปหม่องใด๋แจใด๋ หากได้ยินคนเว้ากันด้วยภาษาอีสานก็จะรู้สึกอบอุ่นใจ อย่างหน่อยก็มีหมู่ที่เว้าภาษาเดียวกัน ถึงแม้ว่าสิมาจากคนละจังหวัด คนละอำเภอ คนละหมู่บ้านกะตามซ่าง
ด้วยสำเนียงที่แตกต่างกันออกไปเนื่องด้วยวัฒนธรรมและที่มาที่ต่างกันบ่หลาย เฮ็ดให้ภาษาอีสานเป็นที่สื่อสารกันได้ทุกหม่องทุกบ่อน เว้าจาต่างสำเนียงกันไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหลักของคนอีสาน เพราะด้วยบริบทต่างๆก็สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้บ่ยาก
ภาษาอีสาน คือ ภาษาของคนไทยทุกคน เป็นมรดกของชาติ ที่พวกเราต้องช่วยกันอนุรักษ์และสืบทอด ถึงแม้ว่าสิไม่ใช่ภาษาราชการ (ที่ติดต่อราชการ) ก็ตามซ่าง เฮาคนไทยทุกคนกะควรจะเรียนรู้ไว้ คนภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือก็เรียนรู้ภาษาอีสานได้บ่ยาก
ตัวอย่างภาษาอีสาน
คำกริยา
เมียบ้าน=> กลับบ้าน
อีหลีบ่=> จริงหรือ
ศูนย์=> โกรธ
อีหลี=> จริง
ไปบ่=> ไปไหม
แม่นบ่=> ใช่หรือ
บ่ไป=> ไม่ไป
สวย=> สาย
ไปนำ=> ไปตามตัว
มิด=> เงียบ, จม
เบิ่ง=> ดู
จอบ=> แอบดู
ไปนำแน่ => ไปด้วย
แลน=> วิ่ง
ไปไส=> ไปไหน
เซา=> หยุด
ไปโลด=> ไปเลย
แซบ=> อร่อย
หั่นเด้=> นั่นงัย
ยาง=> เดิน
หลุด=> ลด(ราคา)
เว่า=> พูด
มวน=> สนุก
เฮ็ด=> ทำ
แจ้ง=> เช้า
เวียก => งาน
ซอย=> ช่วย
โดน=> นาน
ซอด=> ทะลุ
อีหยัง=> อะไร
ตั๋ว=> โกหก
บ่ => ไม่
ขี้ตั๋ว=> ขี้โกหก
ติง=> ขยับ
เซี่ยง=> ซ่อน(ของ)
ลี้=> ซ่อน
ซูน => แตะ
ตอดเงา=> สัปงก
ต้อย=> แตะ
ขี้คร้าน=> ขี้เกียจ
อึด => หายาก/ขาดแคลน
ขี้ถี่=> ขี้เหนียว
ดึก => ปา/ขว้าง สิ่งของ
ปึก=> โง่ ฉลาดน้อย
ฮู้=> รู้
จี่=> ย่าง/ปิ้ง
ม่วน=> สนุก
ม่าง=> รื้อ, ทำลาย
เข็ดแข่ว=> เสียวฟัน
แนม=> แอบดู
เมี่ย=>น เก็บให้เป็นระเบียบ
ฟ้าว => รีบ
หลุดทุน=> ขาดทุน
เป็นตาหน่าย=> น่าเบื่อ
รถตำกัน =>รถชนกัน
หย่ำ => เคี้ยว
มุน =>ละเอียด
โสกัน=> คุยกัน
ลุบ => ยุบ
เข็ดแข่ว=> เสียวฟัน
ม่องได๋/บ่อนได๋ => ที่ไหน
ยู่=> เข็น
เล่นสาว=> จีบสาว
คำนาม
พืช-ผลไม้
บักหุ่ง => มะละกอ
บักมี่=> ขนุน
บักหุ่งเหิม => มะละกอใกล้สุก
มันเภา => มันแกว
บักเขียบ => น้อยหน่า
บักทัน=> พุทธา
ไน => เมล็ด/เม็ด
บักอึอ=> ฟักทอง
บักต้อง=> กระท้อน
บักสีดา=> ฝรั่ง
สัตว์
ขี้คันคาก=> คางคก
ปลาแดก => ปลาร้า
ขี้เกี้ยม=> จิ้งจก
งัว => วัว
หมาว้อ => หมาบ้า
สิ่งของ
เกิบ => รองเท้า
บ่วง=> ช้อน
จอก=> แก้วน้ำ
บักจก=> จอบ
รถยู้ => รถเข็น
รถเครื่อง=> มอเตอร์ไซด์
คำสรรพนาม
เซียง=> คำนำหน้าคนที่เคยบวชเณร
ทิด => คำนำหน้าคนที่เคยบวชพระ
เอื้อย=> พี่สาว
อ้าย=> พี่ชาย
ข่อย =>ข้าพเจ้า
เพิน => ท่าน/เขา
อื่นๆ
ซาว => 20
แข่ว => ฟัน
ดัง=> จมูก
สบ =>ริมฝีปาก
ที่มา:http://entertain.tidtam.com/data/12/0338-1.html#top
Search
เวลามีค่า
GuestBook
E-COMMERCE
เกี่ยวกับฉัน
- Kapuk
- ฉันชื่อภรณ์ทิพย์ ชูไตรรัตน์ ชื่อเล่น ปุ๋ย เพื่อนๆชอนเรียกพี่แดน ฉันเป็นคนขอนแก่นแต่กำเนิด ครอบครอวมีทั้งหมด 4 คน ค้าขายคืออาชีพประจำของครอบครัว คติประจำใจ "ประสบการณ์ผ่านๆ มา คือ แรงจูงพาแก้ไขเพื่อความสำเร็จ"
ป้ายกำกับ
- กลอนอีสาน (1)
- การแทรกรูปภาพ (1)
- การแสดงอีสาน (1)
- คิดตี้จัง (1)
- ทายนิสัย (1)
- แนะนำตัว1 (1)
- แนะนำตัว2 (1)
- แนะนำตัว3 (1)
- แนะนำตัว4 (1)
- บทความ1 e-commerce คือ (1)
- บทความ2 ธุรกิจ e-commerce (1)
- บทความ3 ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ชไทย (1)
- แผนที่สถานที่ท่องเที่ยว1 (1)
- เพลงฝรั่ง (1)
- ภาคอีสาน (1)
- ภาคอีสาน2 (1)
- ภาษาอีสาน (1)
- สถานที่ท่องเที่ยว2 (1)
- สวัสดีปีใหม่2553 (1)
- หมอลำกลอน+หมอลำซิ่ง (1)
- อาหารอีสาน (1)
- Internet1 (1)
- Internet1.2 (1)
- Internet1.3 (1)
ผู้ติดตาม
Labels
- กลอนอีสาน (1)
- การแทรกรูปภาพ (1)
- การแสดงอีสาน (1)
- คิดตี้จัง (1)
- ทายนิสัย (1)
- แนะนำตัว1 (1)
- แนะนำตัว2 (1)
- แนะนำตัว3 (1)
- แนะนำตัว4 (1)
- บทความ1 e-commerce คือ (1)
- บทความ2 ธุรกิจ e-commerce (1)
- บทความ3 ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ชไทย (1)
- แผนที่สถานที่ท่องเที่ยว1 (1)
- เพลงฝรั่ง (1)
- ภาคอีสาน (1)
- ภาคอีสาน2 (1)
- ภาษาอีสาน (1)
- สถานที่ท่องเที่ยว2 (1)
- สวัสดีปีใหม่2553 (1)
- หมอลำกลอน+หมอลำซิ่ง (1)
- อาหารอีสาน (1)
- Internet1 (1)
- Internet1.2 (1)
- Internet1.3 (1)